เที่ยวเมืองจีนทิพย์ เช่าชุดจีนราคาเบาๆใส่เล่นที่ Dragon Town

Happy Lunar New Year 2021
หนีห่าววว สุขสันต์วันตรุษจีน! ขอให้เฮงๆ รวยๆ สุขภาพดีกันนะ!
旧正月ということで中国代劇のヒロイン風衣装に変更してみた!ここはタイですよ!

เรโกะรีวิว จริงๆแล้วบ้านเราไม่เคยไหว้ตรุษจีนหรอก แต่ก็พร้อมจะสนุกไปกับทุกเทศกาลนะ เคยใส่แต่กี่เพ้ามาเยอะแล้ว มีหลายชุดด้วย ปีนี้เลยขอลองใส่ชุดจีนโบราณ “ฮั่นฝู” แล้วถ่ายรูปสวยๆเก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้าง


เราว่าสมัยนี้มันดีมาก ตรงที่คนมีทางเลือกในการแต่งตัวเยอะขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชั่นใหญ่อะไร ก็สามารถเซ็ตถ่ายรูปเล่นกันเองได้ง่ายๆ มีพร้อมทั้งโลเคชั่นดีๆ และร้านชุดที่หาง่าย ทั้งซื้อและเช่า



เซ็ตนี้ เราไปถ่ายกันที่ Dragon Town แถวจุฬา เป็นช็อปปิ้งมอลล์ธีมจีนโบราณที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปเล่นได้ ฟรี!



ส่วนชุดนั้น จะเตรียมมาเองก็ได้ แต่ถ้ามาตัวเปล่า ก็สามารถเช่าชุดได้เลย เพราะที่นี่มีร้าน “ฮัวมู่หลาน”ให้เช่าคอสตูมสไตล์จีน มีแบบให้เลือกมากมายหลายยุคสมัย ทั้งของหญิง, ชาย และเด็ก


ตอนที่เราไปมีโปรโมชั่น 399 บาท 1 แถม 1 ยืมชุดได้ไม่จำกัดเวลา เราหารกันกับบีมเซนเซ คุ้มสุดๆ เค้ามีห้องแต่งตัวให้ยืมใช้ได้ และมีมุมถ่ายรูปในร้านด้วยนะ

เราเลือกชุดโทนสีแดง-ส้ม ให้เข้ากับอิมเมจสีของรูปโปรไฟล์เพจเรา ให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง ขี้เล่น แต่ก็มีความเป็นผู้นำและเข้มแข็ง

ลุคที่วางไว้คือ ลูกสาวของเจ้าของร้านอะไรสักอย่างในเมืองนี้ ที่ออกมาเดินเล่นซื้อของในวันหยุด อยากให้ดูเป็นลุคของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้แบบปกติจริงๆ ไม่ต้องเป็นเจ้าหญิงหรือดูพิเศษอะไร ไม่รู้ว่าจะเหมือนมั้ย เพราะไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนเค้าใส่กันยังไงนะ แหะๆ ถ้ามีผู้รู้รบกวนช่วยแนะนำข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ

สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปคอสตูมแบบจีนโบราณในโลเคชั่นเมืองจีนแบบนี้บ้าง ก็ลองไปดูที่นี่เลย!

Dragon Town ดราก้อนทาวน์
https://goo.gl/maps/CnsFDFCAzY2t4h7U8
มีที่จอดรถบริการ (มีค่าใช้จ่าย) https://www.facebook.com/dragontown


ชุดจีนฮัวมู่หลาน 花木兰
อยู่ในโครงการ Dragon Town https://www.facebook.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E8%8A%B1%E6%9C%A8%E5%85%B0-108584904368998

ロケはチュラ大近くの中華風ショッピングモール「ドラゴン・タウン」、衣装はモールにある「フア・ムーラン」衣装レンタルショップから借りました。当日受け付け可能です

คราวหน้าอยากให้ใส่คอสตูมอะไร ที่ไหน คอมเม้นต์แนะนำกันมาได้นะจ๊ะ

facebook post : https://www.facebook.com/ReikoEditor/posts/4061043600607207




20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่คิดถึง ไปครั้งหน้าต้องห้ามพลาด

มั่นใจแบบเกินร้อยเลยจ้า ว่าญี่ปุ่นน่าจะเป็นประเทศที่บรรดานักเดินทางชาวไทยนั้นคิดถึงแบบยืนหนึ่งเลยละ และเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่ไกลเกินไป แดนปลาดิบแห่งนี้คงจะกลับมาเปิดบ้านให้เราได้เที่ยวกันอีกครั้งแน่ๆ จ้า วันนี้เราเลยขอชวนมาวอร์มรอด้วยการนำ 20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่หลายคนน่าจะคิดถึงสุดๆ มายั่วกันอีกครั้งนะ อยากไปที่ไหนก็เตรียมวางแพลนรอไว้ได้เลยจ้า เปิดประเทศเมื่อไหร่รีบไปจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app เลยน้า แถมถ้าใครอยากเลือกจองที่พัก รถรับส่งสนามบิน หรือว่ารถเช่าก็ตามไปกดจองกันได้เลย จะได้เป็นคนแรกๆ ที่กลับไปสูดกลิ่นอายแดนเจแปนที่แสนคิดถึงกันอีกครั้งจ้ะ ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะไปไหนดี!

เช็คมาตรการสนามบินก่อนบินกันได้เลย เช็คมาตรการคลิก

จองรถรับส่งสนามบิน กับ Traveloka ไลฟ์สไตล์ซูเปอร์แอป > https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นห้ามพลาด

1.Kawachi Fuji Garden

หนึ่งพิกัดสุดพีคในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หลายคนอยากกลับไปเช็คอินอีกซักครั้ง กับการได้ไปเดินท่ามกลางอุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีม่วงสวยหวานที่งดงามราวกับอยู่ในความฝัน ที่นี่มีดอกวิสทีเรียให้ชมกันมากกว่า 22 สายพันธุ์ ในพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ไฮไลท์เด็ดๆ ก็คืออุโมงค์วิสทีเรียที่ยาวกว่าร้อยเมตร และโดมต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ที่เกิดจากต้นไม้เพียงแค่ต้นเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงปีนี้อาจจะไปชมกันไม่ทันแล้วนะ แต่เชื่อว่าปีหน้าคงจะไปดูกันได้แบบเต็มๆ ตา รีบจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า ไปไม่ทันอย่าหาว่าเราไม่เตือนเด้อ

2.Kiyotsu Gorge Tunnel

ก่อนที่โควิดจะแวะมาทักทายชาวโลกกันเป็นเวลาเกือบ 3 ปี เชื่อว่าหลายคนน่าจะเตรียมใส่ที่นี่ลงในแพลนกันเอาไว้บ้างแล้วละ อุโมงค์ดีไซน์เก๋แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Installation Art แบบถาวรในโครงการ Echigo Tsumari Art Field ของเมือง Tokamachi จังหวัด Niigata จ้า เค้าดีไซน์อุโมงค์ลอดทะลุภูเขา 4 อุโมงค์ในคอนเซ็ปท์ของธาตุทั้ง 5 คือดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ทำให้แต่ละพิกัดนั้นมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป บอกได้เลยว่าแค่คอนเซ็ปท์ก็เด็ดแล้วจ้า แต่ที่เด็ดกว่าก็คือวิวที่จะได้เห็นซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ที่สำคัญคือถ่ายรูปออกมาเก๋ม้ากกกกก เป็นพิกัดที่อยากให้มาโดนกันจริงๆ

3.Mt. Zao

เป็นพิกัดหนึ่งซึ่งเชื่อว่าพอมีลุ้นที่น่าจะได้ไปเยือนกันภายในปีนี้ กับการไปชมเหล่าปีศาจหิมะหรือ Juhyo นับร้อยนับพันที่ยืนตระหง่านเรียงรายกลายเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตา ซึ่งแท้จริงแล้วเกิดจากหิมะที่ทับถมลงบนต้นสนจนหนา ชวนให้เกิดเป็นรูปร่างที่หลายคนจินตนาการว่าเหมือนปีศาจหิมะนี่ละ จะเดินชมกันในระยะประชิดก็ได้ หรือจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมวิวพาโนรามากันจากบนมุมสูงก็เรียกได้ว่าเด็ดเชียวละ ช่วงกลางคืนเค้ายังมีการประดับไฟหรือ Light Up ให้บรรยากาศที่สวยต่างออกไป ใครชอบเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดก็ไปจัดกันได้ด้วยจ้า เตรียมตัวไว้น้า เราว่าหนาวนี้ได้เห็นกันแน่นอน

4.Hitachi Seaside Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในพิกัดซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากไปญี่ปุ่นกันซักครั้ง เพราะอยากไปเห็นวิวสวนสวยสุดปังซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้สารพัดรูปแบบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นทะเลดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสสุดลูกหูลูกตาในฤดูใบไม้ผลิ หรือพุ่มโคเชียสวยแปลกตาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากความสวยของดอกไม้ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูแล้วนะ ที่สวนนี้ยังมีโซนสวนสนุกให้แวะไปกรี๊ดกันด้วยจ้า มาที่เดียวได้สองอารมณ์เลยน้า เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เผื่อปลายปีนี้จะได้มาชิลล์กัน

5.Otaru

เมืองท่าเล็กๆ แต่สวยเด็ดจนกลายเป็นแลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งของฮอกไกโดเค้าละ เริ่มจากความสวยของอาคารสไตล์วิคตอเรียนซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ให้เดินชมกันหลายแห่ง ให้บรรยากาศกลิ่นอายแบบยุโรปงดงาม ไฮไลท์สุดๆ ก็ต้องเป็นเทศกาลฤดูหนาวบริเวณคลองโอตารุของเค้านี่ละจ้า หิมะขาวๆ แน่นๆ มีแสงไฟส่องเป็นแนวยาว รอบด้านก็เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขนมหวานชื่อดังมากมาย เตรียมจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยจ้า เชื่อว่านี่เป็นความพีคในช่วงปลายปีที่หลายคนตามหาอยู่แน่นอน

6.Fushimi Inari Taisha

ถ้าเอ่ยถึงวิวญี่ปุ่นที่คิดถึงกันทั้งที จะไม่มีทิวแถวมหกรรมเสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าจิ้งจอกแห่งเมืองเกียวโตได้ยังไง! ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งนี้นั้นเริ่มต้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.711 ก่อนที่พลังศรัทธาจะทำให้ที่นี่ค่อยๆ เกิดการต่อเติมขยับขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เสาโทริอินับหมื่นต้นความยาวเกือบ 4 กิโลเมตรของที่นี่นั้นได้จากการบริจาคของบรรดาผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่ในยุคโบราณ ที่สำคัญคือเทพเจ้าอินาริของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยนะ มาแล้วอย่าลืมแวะมูด้วยล่ะ อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน!

7. Tomita Farm

แม้ช่วงฤดูร้อนนั้น ในโซนต่างๆ ของญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้เป็นช่วงยอดนิยมของการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ที่ฮอกไกโดนั้นต่างออกไปจ้า เพราะนอกจากจะมีอากาศที่เย็นสบายแล้วนะ ที่นี่ยังมีฟาร์มดอกไม้ขนาดใหญ่ซึ่งจะถูกเคลือบคลุมไปด้วยสีสันสดใสของไม้ดอกนานาพันธุ์ ซึ่งโทมิตะ ฟาร์มนั้นนับเป็นหนึ่งในจุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดในฮอกไกโดเลยละ ที่นี่คือฟาร์มเก่าแก่ซึ่งมีประวัติยาวนานนับร้อยปี ด้านในแบ่งเป็นพื้นที่สวนดอกไม้และร้านอาหารนับสิบแห่งให้ได้แวะชมแวะชิมกัน ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมกันตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนเท่านั้นน้า อย่าลืมแวะมาเช็คอินกัน

8.Sensoji Temple

แลนด์มาร์คหลักทั้งของญี่ปุ่นและโตเกียวซึ่งเกือบทุกคนต้องแวะไปเช็คอินกันซักครั้ง เพื่อจะได้ชมโคมแดงขนาดยักษ์ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์หลักของเค้าเลยละ และนอกจากจะได้แวะมาไหว้พระเสี่ยงเซียมซีกันที่นี่แล้วนะ ความเด็ดของวัดเซ็นโซจิยังอยู่ที่บรรดาร้านค้ามากมายซึ่งอยู่ด้านใน ที่นับเป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยจ้า แผงลอยที่วัดนี้ยังมีเมนูเด็ดขึ้นชื่อให้แวะชิมกันอีกเพียบเลยนะ อยากได้ของที่ระลึกของฝากหลากหลายสไตล์ ก็มาช้อปกันได้ที่นี่เลยจ้า นี่คือพิกัดที่ควรต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาเช็คอินกันซักที!

9.Kamikochi

พิกัดธรรมชาติแสนสวยทางตอนเหนือของเทือกเขาเจแปน แอลป์ ซึ่งขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องความเขียวของป่าไม้ที่โอบล้อมลำธารสีฟ้าใสราวกับคริสตัลเอาไว้ได้งดงามลงตัวราวกับภาพวาดเลยเชียวละ ที่นี่เปิดให้สายเขียวได้เข้าไปเทรกกิ้งและแค้มปิ้งกันได้ตั้งแต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะ แถมการเที่ยวธรรมชาติที่นี่ยังแสนจะสะดวกสบาย เพราะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หรือแม้กระทั่งออนเซ็นแช่เท้า เปิดให้เราได้ใช้บริการกันแบบสุดชิลล์เลยจ้า จะสายเขียวตัวจริงหรือมือใหม่หัดเขียวก็เชื่อว่าน่าจะประทับใจแน่นอน

10.Himeji Castle

1 ใน 3 ของปราสาทที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโก และด้วยความที่ตัวปราสาทนั้นเน้นการใช้สีขาวเป็นหลัก ปราสาทนี้จึงมีอีกหนึ่งฉายาว่าปราสาทนกกระยางขาวจ้า ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1400 โน่นเลยนะ และแม้จะอยู่ยั้งยืนยงมาแล้วกว่า 600 ปี แต่ที่นี่ก็ยังคงงดงามสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ช่วงเวลาที่เรียกว่าพีคสุดๆ ก็ต้องเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระสีชมพูสวยหวานบานสะพรั่งอย่างละลานตา เป็นอีกพิกัดที่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนแน่นอน

11.Kinkakuji Temple

อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเมืองเกียวโตซึ่งทุกคนที่จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาแล้วคงไม่ยอมพลาด และเป็นพิกัดที่บอกเลยว่าสวยสุดๆ ในทุกฤดูกาลเลยละ ตัวอาคารวัดสีทองอร่ามของที่นี่นั้นจะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเปลี่ยนสีสันไปในทุกฤดูกาล สีเขียวในฤดูร้อน สีชมพูของซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สีแดงและส้มสดใสในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และสีขาวสะอาดตาในช่วงฤดูหนาว เลือกเอาได้เลยจ้ะว่าอยากเห็นวัดทองแห่งนี้ในสีสันแบบไหน!

12.Lake Kawaguchiko

เชื่อว่าที่นี่น่าจะเป็นพิกัดที่ยืนหนึ่งอยู่ในใจของเหล่าคนรักญี่ปุ่นทุกคนเลยเชียวละ ทะเลสาบคาวากุชิโกะนั้นนับเป็นพิกัดซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนปลาดิบทุกคนต้องปักหมุดไป เพราะนี่คือ 1 ใน 5 ทะเลสาบที่รายล้อมภูเขาไฟฟูจิ และที่สำคัญก็คือเป็นทะเลสาบที่เดินทางเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วยจ้ะ ที่เด็ดสุดก็คือการเป็นหนึ่งในจุดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้สวยที่สุดเลยด้วยน้า ไม่ว่าจะจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาชมในฤดูกาลไหน ก็รับประกันความสวยแจ่มได้ทุกฤดูเชียวละ ปักหมุดจ้า ตรงนี้ไม่มาก็เหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่นจริงๆ

13.Kiyomizu Temple

วัดน้ำใสแห่งเมืองเกียวโตซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คหลักที่ไปถึงเมืองนี้แล้วจะพลาดกันไม่ได้ วัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยพีคสุดๆ แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเค้าเลยจ้า ช่วงฤดูซากุระก็ว่ากันว่าเด็ดไม่แพ้กันเชียวนะ นี่คือ 1 ใน 17 มรดกโลกของญี่ปุ่นเค้าด้วยจ้ะ แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งได้ชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวไปเยือนเยอะที่สุดของประเทศเลยด้วยน้า ที่สำคัญอย่าลืมมามูกันด้วยล่ะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อในการขอพรเรื่องเรียน เรื่องความรัก และเรื่องสุขภาพจ้ะ มาแล้วอย่าพลาดเชียว

14.Jigokudani Monkey Park

เชื่อว่านี่ต้องเป็นหนึ่งในภาพจำที่ทำให้หลายคนยิ้มได้เมื่อนึกถึงประเทศนี้ กับภาพน้องลิงขนฟูสีน้ำตาลที่มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเลือดฝาดสีชมพูแลดูสุขภาพดี ซึ่งจะมาเกาะกลุ่มกันนั่งแช่ออนเซ็นอุ่นๆ อยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวสะอาดตา กลางหุบเขา Jigokudani Valley ในจังหวัด Nagano เค้าละ และเพราะที่นี่มีอากาศหนาวเย็น 1 ใน 3 ของปี เค้าจึงมีการสร้างบ่อออนเซ็นเอาไว้ให้เหล่าลิงได้ใช้แช่ต่างหากโดยไม่ปะปนกับบ่อออนเซ็นของคนซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ว่ากันว่านี่เป็นที่เดียวของโลกด้วยนะที่เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องมา!

15.Kintai Bridge

นี่คือสะพานซึ่งอยู่ใน Top 3 ของสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยละ ตัวสะพานนั้นทอดตัวข้ามแม่น้ำ Nishiki และที่น่าอเมซิ่งแบบสุดๆ ก็คือสะพานไม้ที่เต็มไปด้วยโค้งถึงห้าจุดแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีถูกสร้างขึ้นโดยวิธีดั้งเดิมซึ่งไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียวเลยจ้า แต่เมื่อเกิดภัยธรรมชาติทำลายไป จึงมีการบูรณะสะพานนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งนะ แต่คราวนี้มีการนำตะปูพิเศษเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นตะปูเหล็กแบบเดียวกับที่ใช้ตีเป็นดาบด้วยจ้ะ ทั้งสวยทั้งมีสตอรี่ที่ว้าวแบบนี้ ที่นี่จึงได้รับรางวัลมิชลิน สตาร์ 2 ดาว จากคู่มือมิชลิน กรีน ไกด์ ของประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2013 ด้วยนะ ช่วงซากุระว้าวสุดจ้า ปักหมุดมาได้เลย

16.Dotonbori

ย่านสุดฮ้อตใจกลางเมืองโอซาก้าซึ่งจะพลาดไปไม่ได้ ไฮไลท์ของย่านนี้ก็คือการมาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะซึ่งถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ค ตามมาด้วยร้านอาหารซึ่งมีเมนูเด็ดมากมายให้เลือกชิมกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิชื่อดังรสเด็ดที่ชิมแล้วจะติดใจ หรือจะเป็นการไปชิมเนื้อปูหวานๆ กันที่ร้าน Kani Doraku ซึ่งมีป้ายหน้าร้านที่ถือเป็นหนึ่งพิกัดต้องเช็คอินของย่านนี้เลยด้วยจ้า และที่พลาดไม่ได้ก็คือการแวะมาช้อปปิ้งสารพันข้าวของในย่านนี้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ แค่คิดถึงก็เพลินแล้วละ รีบจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโอซาก้ากันไว้เลย

17.Shirakawago

หมู่บ้านชาวนาแบบโบราณและยังเป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายร้อยปี จุดขายของที่นี่ก็คือรูปแบบการก่อสร้างบ้านเรือนในสไตล์ Gassho-zukuri ซึ่งมีลักษณะหลังคาสูงแหลมคล้ายการพนมมือ เพื่อช่วยให้หิมะที่ตกลงมาเป็นปริมาณมากนั้นไม่ตกค้างอยู่บนหลังคาจนทำให้ตัวบ้านเกิดความเสียหาย ภายในหมู่บ้านมีทั้งจุดให้แวะถ่ายรูป ร้านขายของที่น่าสนใจ ร้านอาหาร ศาลเจ้า และที่พักสไตล์โฮมสเตย์ให้ใช้บริการกันจ้า ช่วงหน้าหนาวยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟเพิ่มความสวยให้อัพเลเวลขึ้นไปอีกนะ เป็นอีกแหล่งเช็คอินที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

18.Shibuya

ย่านธุรกิจสุดคึกคักใจกลางมหานครโตเกียวซึ่งไม่เคยหลับไหล กับจุดขายบริเวณห้าแยกชิบูย่าซึ่งดึงดูดให้เหล่านักเดินทางจากทั่วโลกต้องแวะมาเช็คอินด้วยตาตัวเองให้ได้กันซักครั้งเลยละ หลายคนรู้จักที่นี่ผ่านการเป็นโลเคชั่นของภาพยนตร์ชื่อดังหลายต่อหลายเรื่องมาเนิ่นนาน ที่สำคัญคือตรงนี้นั้นเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิกัดช้อปปิ้งเด็ดๆ ซึ่งบอกเลยว่ามาอยู่กันได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำไปเลยจ้า นี่คือพิกัดที่ต้องจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโดนกัน!

19. Churaumi Aquarium

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในโลกด้วยจ้า อควาเรี่ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาว่า และในเวลาปกตินั้นมีผู้คนมาเยือนกันปีละกว่า 20 ล้านคนเชียวละ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ ก็ต้องยกให้กับ Kuroshio Marine Aquarium ซึ่งเป็นตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับความจุของสระว่ายน้ำโอลิมปิกถึง 3 สระ ที่ด้านในนั้นมีทั้งฉลามวาฬและกระเบนราหูแหวกว่ายให้ชมกันเต็มๆ ตา เหมือนเรากำลังดำดิ่งลงไปอยู่ใต้ทะเลจริงๆ เลยจ้ะ คนรักอควาเรียมพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

20.Ginzan Onsen

เมืองน้ำพุร้อนอันแสนสงบในอ้อมกอดขุนเขาของจังหวัด Yamagata แห่งนี้ คือหนึ่งในออนเซ็นที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยจ้า ที่นี่มีเรียวกังสไตล์ดั้งเดิมเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำให้เลือกใช้บริการกันได้ เพิ่มบรรยากาศให้งดงามโรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการจำกัดให้บริเวณถนนใจกลางเมืองเป็นพื้นที่สำหรับเดินเท่านั้นจ้ะ ช่วงค่ำๆ จะยิ่งมีเสน่ห์น่าใส่ยูกาตะเดินเล่นกันสุดๆ เลยน้า เพราะทั้งถนนจะเต็มไปด้วยแสงไฟทำให้เกิดเป็นความสวยในอีกรูปแบบจ้ะ ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปด้วยกันจะยิ่งฟินกับบรรยากาศกันแบบสุดๆ เลยเชียวละ คนรักออนเซ็นต้องมาให้ได้เชียว

นี่คือบางส่วนของพิกัดที่เราคิดถึงและโหยหาเมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะ แดนปลาดิบแห่งนี้ยังมีอีกหลายแลนด์มาร์คที่เราอยากชวนไปเช็คอินกันแบบแน่นๆ เลยเชียวละ และเชื่อว่าอีกไม่นานนี้ที่นี่จะกลับมาเปิดประตูบ้านให้เราได้เข้าไปเยือนกันอีกครั้งแล้วจ้า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรอกดจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไว้เลยน้า ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้เราเข้าไปเที่ยวกันได้เมื่อไหร่ มั่นใจว่ากดตั๋วกันเดือดแน่นอน!

Shimafumi คาเฟ่น่ารักริมทะเล บนเกาะซาโดะ จ.นีงาตะ

🚗คิดถึงการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น เลียบชายฝั่งทะเล เปิดกระจกรับลมชมวิว แล้วแวะพักที่คาเฟ่ กินของอร่อยแบบนี้จัง!!

🏝ตอนไปเที่ยว “เกาะซาโดะ จ.นีงาตะ” เราได้ขับรถเที่ยวรอบเกาะ มีคาเฟ่ริมทะเลอยู่ร้านนึงมันน่ารักมากกก และขนมปังของที่นี่ก็อร่อยมากเช่นกัน ร้านนี้คือ “ชิมะฟูมิ”

🥐ถือเป็นจุดแวะพักของนักท่องเที่ยวที่มาเกาะซาโดะ ตัวร้านเป็นบ้านเล็กๆริมทะเลน่ารัก มีเมนูเป็นขนมปัง เบเกอร์รี่ ที่เราชิมแล้ว บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง เพราะจ.นี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องน้ำและข้าวอร่อย แน่นอนว่าต้องทำขนมปังอร่อยด้วย

🇯🇵ถ้าหมดโควิดแล้ว มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะซาโดะ ก็อย่าลืมแวะร้านนี้กันนะ ดูบรรยากาศของร้านได้ในคลิปนี้เลยจ้า

🎞”ขับรถเที่ยวต่างจังหวัดญี่ปุ่น หาทอง ล่องเรือกะละมังที่เกาะซาโดะ Sado Niigata”
https://youtu.be/bkmEdnj7ALk

📍”ร้านชิมะฟูมิ” しまふうみ Shimafumi
105-4 Daisho, Sado, Niigata 952-0431
https://maps.app.goo.gl/wh9LF1U3EfhkMKcz6

ปล.เราไปตั้งแต่เดือนต.ค.2019 จ้ะ

📌Facebook post on Reiko.ws

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3427266457318261&id=200769936634612

#reikowsniigata #reikomeow #reikowsyoutube #niigata #sadoisland #เที่ยวญี่ปุ่นตงด้วยตัวเอง #ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น #นีงาตะ #เกาะซาโดะ #新潟県 #佐渡島

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอย 8 โลเคชั่นละครและภาพยนตร์ ที่ Yamagata Sendai

ช่วงนี้ไม่ว่าใครก็คง เก็บตัวอยู่บ้าน มีโอกาส หนังละครซีรีย์ และที่ตอนนี้กำลังมาแรงมากๆเลยก็ต้องละครช่อง 3 เรื่องดั่งดวงหฤทัยนี่แหละ ที่พี่ติ๊กเจษฎาภรณ์กับคิมเบอร์ลี่เขาเล่นไง เพิ่งออกฉายตอนแรกทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2020 นี่เองกระแสตอบรับดีมากๆเลย

-ละครดี-1024x576

ดั่งดวงหฤทัย (2020)

เรื่องนี้เขายกกองไปถ่ายทำกันถึงภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเชียวนะ แน่นอนว่าไปไกลขนาดนี้ต้องมีวิวสวยๆ และโลเคชั่นเด็ดๆมาให้เราได้ดูกันแน่นอน ไปดูกันเลยค่ะว่ามีที่ไหนบ้าง

โลเคชั่นในจังหวัดยามากาตะ

1.ล่องเรือ Mogami River

DCIM100GOPROGOPR8999.JPGIMG_6344mogami_river_1

แม่น้ำโมกามิถือเป็นเส้นทางการคมนาคมที่สําคัญตั้งแต่ในสมัยก่อนของจังหวัดยามากาตะ ชาวบ้านจะขนของเพื่อค้าขายไปยังเมือง Sakata ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางค้าขายหลักแล้วแต่ก็ยังขึ้นชื่อในฐานะ แม่น้ำสายท่องเที่ยวที่สามารถล่องเรือเพื่อชมความงามของธรรมชาติสองข้างทาง โดยสามารถชมได้ทั้ง 4 ฤดูกาลสวยงามแตกต่างกัน

mogami_river_2mogami_river_3IMG_6347

สำหรับการล่องเรือนั้นมีหลายแบบแตกต่างกันไปที่เราได้ไปขึ้นนั้นใช้เวลา 50 นาทีราคา 2,500 เยนและสามารถเลือกซื้อข้าวกล่องขึ้นมาทานเองได้

IMG_633920200122_12490189622963_498414614171741_2787823831148920832_n

และถึงจะเป็นฤดูหนาวแต่ก็สามารถนั่งชมวิวได้อย่างอบอุ่นเพราะมีโต๊ะ อุ่นขาหรือ Kotatsu ไว้บริการด้วย

สองข้างทางมีจุดชมวิวมากมายโดยใช้ซึ่งเป็นพนักงานที่อยู่ในเรือจะคอยอธิบายจุดถ่ายรูปต่างๆรวมถึงร้องเพลงโบราณแบบที่ชาวบ้านสมัยก่อนเขาร้องกันให้ฟังอีกด้วย

IMG_6376IMG_6374

ที่นี่ถูกใช้เป็นโลเคชั่นของละครเรื่องดั่งดวงหฤทัยและยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะโลเคชั่นของละครญี่ปุ่นที่โด่งดังอมตะ เรื่องโอชินนั่นเอง

2.Snow Monster และ Zao Onsen

SONY DSC

zao_snowmonster_2

Zao เป็นที่รู้จักกันดี เพราะมี Snow Monster ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หิมะก่อตัวกับต้นไม้จนกลายเป็นแท่งขึ้นมาเหมือนปีศาจท่ามกลางความขาวโพลน หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Juhyo นั่นเอง

20200123_115801-01

IMG_6663IMG_6676

และยังเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทอีกมากมาย ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในฤดูหนาว

และที่นี่ยังมีออนเซ็นที่มีน้ำแร่ที่ดีมาก เก่าแก่ มีการค้นพบตั้งแต่ปี 110 ก่อนคริสตศักราช และยังเป็น 1 ใน 3 ของน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่น

received_321028385480214-01IMG_20200124_002205_391

น้ำพุร้อนของที่นี่ มีชื่อในการรักษาสภาพผิวและความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร นอกจากน้ำแร่จะดีแล้วบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งของที่นี่ยังสวยงาม ทำให้รู้สึกผ่อนคลายกับวิวที่สวยงามอีกด้วย และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในโลเคชั่นถ่ายทำละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง

zao_openairbathzao_openairbath_2

3 อาคารโรงพยาบาลเก่า Kyu – Saiseikan

87012596_536151353642713_1429326023316471808_n

อาคารโรงพยาบาลเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกนี้เป็นตึกที่ได้รับการอนุรักษ์ โดยย้ายมาจากสถานที่ตั้งเดิมมาตั้งไว้ที่นี่ เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆและให้ความรู้

89775159_206163097159115_1951834006332899328_n

ตัวตึกมีความแปลก เพราะเป็นตึก 14 สี่เหลี่ยม ซึ่งแต่ละห้องก็เคยถูกใช้เป็นห้องตรวจรักษา และในปัจจุบันก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้ความรู้และเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์และละครต่างๆ

4.อาคารศาลาว่าการจังหวัดเก่า Bunshokan

89548689_185915989521476_602001870545747968_n89561318_189557202460943_6087821356999639040_n

อาคารอิฐสถาปัตยกรรมสไตล์เรเนซองของอังกฤษที่เคยเป็นศาลาว่าการจังหวัดและหอประชุมสภาของจังหวัดยามากาตะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

89631900_186095292811754_6236491366482837504_n89792823_3049398835084904_4119547628901892096_n

ในตอนนี้ ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของจังหวัดและเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิเช่น Rurouni Kenshin ภาพยนตร์ซามูไรของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรี

89785405_208201167051525_5694462761401057280_n

และยังมีภาพยนตร์เรื่อง Gravity of love (2018) ที่บอยปกรณ์กับเต้ยจรินพรแสดงนำ ซึ่งมีโลเคชั่นถ่ายทำที่เมืองเซนไดจังหวัดมิยางิด้วยนะ ซึ่งจังหวัดยามากาตะและมิยากินั้นอยู่ข้างกัน ดังนั้นเราจะนำมาแนะนำในบล็อกนี้ไปพร้อมกันเลยค่ะ

Gravity of love (2018)

โลเคชั่นในจังหวัดมิยางิ

5.Jogi Nyorai Saihoji Temple

89782595_2729714250482875_8908787384892522496_n

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในหมู่ชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเอง ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรเรื่องความรัก เอกลักษณ์ของที่นี่คือเจดีย์ไม้โบราณสูง 5 ชั้น ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สันติสุขของมวลมนุษยชาติ

89261039_213559446692025_748517653282291712_n89782263_2785920508155758_984357799314063360_n

และรอบๆบริเวณนี้ยังคงสภาพเมืองเก่ามีร้านอาหารที่ขายเมนูท้องถิ่นมากมาย สามารถสัมผัสบรรยากาศ ในสมัยก่อนของเมืองเซนไดได้ที่นี่

IMG_7137

6.หินรูปหัวใจ Rai-raikyo Gorge Heart Shaped Rock

IMG_7402จุดชมวิวที่สะพาน Nozoki Bashi Bridge อยู่ในหุบเขาไรไรเคียว ซึ่งมีจุดเด่นคือ ร่องหินที่เป็นรูปหัวใจ ว่ากันว่าการมาขอพรความรักที่นี่จะช่วยให้สมหวัง เป็นจุดที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาถ่ายรูปกันด้วยล่ะ

7.เจ้าแม่กวนอิมใหญ่แห่งเซนได

20200125_095430

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมใหญ่แห่งเซนได (Sendai Dai Kannon) มีความสูงถึง 100 เมตร ที่วัด Daikan Mitsu ji เราสามารถเข้าชมด้านในขององค์เจ้าแม่กวนอิมได้

20200125_10392820200125_102651

มีทั้งหมด 12 ชั้นจากด้านบนสุดสามารถมองเห็นวิวของเมืองเซนได และยังมีพระพุทธรูป รวมถึงพระโพธิสัตว์กวนอิมปางต่างๆให้ชมมากถึง 108 องค์ตามทางเดินจากบนลงล่าง และยังมีจุดให้ขอพรอีกมากมาย

DCIM100GOPROGOPR9353.JPG

20200125_10392820200125_10414920200125_10462720200125_102924สำหรับคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมห้ามพลาดเลยเพราะที่นี่มีเครื่องรางสวยๆน่าเก็บเป็นที่ระลึกไว้บูชาอีกด้วย

20200127_134809

8.ศาลเจ้า Shiogama Jinjya

20200125_12124120200125_124024

เป็นศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 1,200 ปีเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยก่อน และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นในปี 2545

IMG_7515IMG_752983797378_3381508605209642_3340385422617346048_nด้วยความที่ตั้งอยู่บนเขาทำให้สามารถมองลงมาเห็นวิวจนถึงอ่าวมัตสึชิม่าได้ในวันอากาศดี และที่นี่ยังมีซากุระปลูกไว้มากมาย ทำให้ในช่วงซากุระบาน ประมาณเดือนเมษายน จะเป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อมากๆ

ตอนนี้กรุงเทพฯและโทโฮคุก็ใกล้กันมากกว่าเดิมเพราะมีเที่ยวบินตรงของการบินไทย ไปลงที่เมืองเซนไดด้วย ดังนั้นคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุ ในอนาคตในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสดีขึ้นแล้ว ลองดูบล็อกนี้ของเรา แล้วไปเที่ยวตามรอยละครและภาพยนตร์ดังในจังหวัดยามากาตะและ จังหวัดมิยางิกันนะคะ

20200126_094952

และเรายังทำรีวิวทริปยามากาตะเซนไดไว้เป็น วีดีโอ YouTube อีกด้วยเข้าไปดูได้ที่นี่เลยค่ะ

ตามรอยละคร ที่ Yamagata Sendai!

และสามารถดูข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์นี้เลยค่ะ

Yamagata เที่ยวเมืองยามากาตะ ตามรอยละครเรื่อง ดั่งดวงหฤทัย

หลังจากที่สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าดีขึ้นแล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะลองดูเส้นทางยามากาตะเซนได เป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันนะคะ

20200122_144933-01

ลองชานมไข่มุก ในขวดกัมดั้มสุดเท่ ที่ Gandum Cafe อากิฮาบาร่า

🤩ชานมกันดั้ม!! ที่ญี่ปุ่นก็ฮิตชานมไข่มุกไม่แพ้เมืองไทยนะ แม้แต่คาเฟ่อนิเมะเท่ๆอย่างกันดั้มยังมีจ้าาา

😋ขายพร้อมขวดพลาสติก ราคา 1,320 เยน (เกือบๆ 400 บาท) มีขวดให้เลือก 4 ลาย และก็เลือกเครื่องดื่มข้างในได้ตามชอบ แต่ตอนเราไปเหลือแต่ลายสุดท้าย ลายเดียว แง๊~ จริงๆอยากได้ลายกันดั้มกับเมฆโฮคุไซมากกว่า

😚ส่วนเครื่องดื่ม เราเลือกชานมเกาลัด มันจะมีกลิ่นหอมๆมันๆเพิ่มเข้ามา รสชานมไม่หวานเกินไป ไข่มุกค่อนข้างหนึบและแข็ง แต่ก็ไม่ได้ทานยากเกินไป ถือว่าโอเคเลย เราเคยทานชานมไข่มุกที่ญี่ปุ่นมาหลายเจ้า โดยรวมที่ไทยอร่อยกว่า 5555 แต่ก็ซื้อเอาขวดอะนะ

📍พิกัด กันดั้มคาเฟ่ สาขาอากิฮาบาร่า ออกจากสถานีอากิฮาบาร่าก็เจอเลย อยู่ข้างๆ AKB48 Cafe เหฺนร้านเล็กๆแต่คนเต็มทุกโต๊ะ ชาวต่างชาติฝั่งแฟนกันดั้มก็เยอะนะ http://g-cafe.jp/akiba/

เปิดหน้าสด รีวิว ฉีดโบท็อกและรีเนอร์จี้ครั้งแรกในชีวิต!!

เกิดเป็นผู้หญิงทั้งที ไม่ว่าใครก็คงอยากสวยดูดี เท่าที่ตัวเองจะทำได้ตลอดเวลา ที่ว่าสวยนั้น ไม่จำเป็นต้องดูเด็กเสมอไป แต่หมายถึง ให้ดูดีแบบสมวัยแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งสมัยนี้เทคโนโลยีก็ก้าวไกล อะไรที่หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลาเราก็สามารถชลอ และเสริมทำให้ดูดีได้นานกว่าขึ้น การเข้าคลีนิกเสริมความงามจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สาวๆ สมัยนี้ไม่ต้องรอให้แก่ ให้เกิดปัญหาจนเยียวยาไม่ได้ แล้วค่อยเข้าคลีนิกทำหน้าแล้วววว

สำหรับเราเอง ก็มีการดูแลผิวพรรณแบบพื้นฐานมานาน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าให้สะอาด ไม่เข้านอนทั้งเครื่องสำอาง, ทาครีมกันแดดทุกวัน ตั้งแต่สมัยมัธยม, ทานอาหารเสริมวิตามินคอลลาเจน รวมไปถึงดูแลผิวกดสิว ทำทรีตเม้นต์เป็นประจำ ทำให้สามารถยื้อเวลาของปัญหาผิวมาได้นานพอสมควร อิอิ

received_1602505183207605-01.jpeg

แต่เราก็สนใจเทคนิกการเติมริ้วรอยบนใบหน้า และการทำให้ผิวกระชับ หน้าเรียวเล็กเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าเราไม่ค่อยรู้สึกถึงปัญหาสักเท้าไหร่ แต่ถ้ามันดูดีกว่านี้ ได้ก็น่าลองนี่นา เมื่อทาง Blossom Clinic ที่อยู่ตรง Stadium One (ใกล้ๆ สนามกีฬาแห่งชาติ) ชวนเราไปลองรีวิว จึงตอบตกลง และนี่คือการทำโบท็อกครั้งแรกในชีวิตของเรา!!

บรรยาศภายในร้านตกแต่งด้วยสีขาว – ชมพู ให้ฟีลแบบค่าเฟ่น่ารัก สไตล์เกาหลี คุณหมอบีเป็นคนดูแล และให้คำแนะนำแบบเป็นกันเอง

received_2498701456912820-01.jpeg

หลังจากที่วิเคราะห์ผิวหน้าเราและ คุณหมอบีบอกว่า ผิวเรามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แจะมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว โดยเฉพาะเวลายิ้มแสดงอารมณ์จะเห็นได้ชัด และบริเวณแก้มทั้งสองข้าง เริ่มหย่อนคล้อย ถ้ามองตรงๆจะสังเกตุได้ ว่ามันไม่เท่ากัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราจะเน้นให้มันกระชับมากขึ้นดีกว่า

received_471265760154412-01.jpeg

สิ่งที่เราได้ลองทำ คือ ทำทรีตเม้นต์เทคโนโลยีจากเกาหลี Blossom Customized Skin Treatment 1 ชั่วโมง, Renergy Age Laser เลเซอร์ยกกระชับหน้าเรียว 45 นาที, โบท็อก ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว และ ฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องแก้ม ซึ่งทั้งหมดนี้เราเพิ่งได้ลองเป็นครั้งแรกนี่แหละ

มาทำความรู้จักแต่ละตัวกันก่อน

1.Blossom Customized Skin Treatment เป็นทรีตเม้นต์นวัตกรรมใหม่จากเกาหลี ลูตรเฉพาะของที่นี่เท่านั้น ช่วยเติมน้ำให้แก่ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวหน้า บำรุงได้ทุกสภาพผิวหน้า ช่วยรักษาสิวและฟื้นฟูผิวหน้าให้ขาวใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยอีกด้วย พร้อมผิดท้ายด้วยการนวดผ่อนคลาย

เราได้ลองมาแล้ว เป็นการทำทรีตเม้นต์ที่มีหลายขั้นตอน รู้สึกได้ว่าเค้าพิถีพิถันจริงๆ และยังสบายมาก ได้ผ่อนคลายจนเกือบหลับเลย ถ้าทำต่อเนื่องในระยะยาวน่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้น

received_483097505623268-01.jpeg

2.Renergy Age Laser เป็นการทำเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า กระตุ้นฟื้นฟูผิว ลึกจนถึงระดับเซลส์ผิว ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับให้ผิวดูเฟิร์ม ดูสุขภาพดีจากภายใน สามารถทดแทนโบท็อก ฟิลเลอร์ได้ สำหรับคนที่กลัวเข็ม แต่จะเห็นผลช้ากว่า และมีผลในระยะยาว ข้อดีคือไม่ทำให้หน้าดูแปลก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติreceived_656466451425890-01.jpeg

เราเคยทำเลเซอร์มาแล้วหลายครั้ง แต่จะเน้นเป็นการลดรอยและจุดด่างดำ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำเลเซอร์ยกกระชับ เราค่อนข้างขี้กลัว เลยให้คุณหมอแปะยาชาให้ด้วย ตอนทำจะเหมือนรู้สึกมีไฟฟ้ามาแปล๊บๆ ๆ ที่ข้างแก้ม โดยหมอจะเน้นทำเป็นจุดๆ ไป สลับกับการเอาน้ำแข็งประคบ ตอนแรกก็จะตกใจเสียง แสง และเจ็บหน่อยๆ แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน เพื่อความสวยแล้วเราทนได้ค่ะ

3.ฉีดโบท็อก ตัวเด็ดเพื่อการเติมร่องริ้วรอยเลย ตัวที่เราได้ลองคือ โบท็อกจากเกาหลี ชื่อ Neuronox ฉีดแล้วจะคงอยู่ได้ 6 เดือน

ส่วนของตัวเราเน้นฉีดที่หน้าผากและหัวคิ้ว รวมกันแล้ว  12 ยูนิต ตอนฉีดก็ไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ เพราะเรากดสิว ฉีดสิวเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นเข็มเลยค่อนข้างชินแล้วล่ะ หลังจากทำแล้ว สามารถแต่งหน้าไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องระวังห้ามไม่ให้ผิวหน้าโดนความร้อน  ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แช่ออนเซ็น หรือ อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

ลองมาดูผลกันค่ะ เราถ่ายรูปเปรียบเทียบเอาไว้ในระยะเวลา 1 เดือน แสงของรูปอาจจะแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว เห็นได้ชัดว่า โครงหน้าดูเป็นรูปชัดขึ้น และความหย่อนคล้อยลดลง

19-11-07-22-27-13-265_deco.jpg

19-11-07-22-31-29-146_deco.jpg

และหลังจากที่ทำครั้งแรกไปแล้ว 1 เดือน เราได้กลับไปเพื่อให้คุณหมอบีตรวจเช็กสภาพอีกครั้ง ซึ่งโดยรวมดีมาก เรื่องหน้ายกกระชับ และริ้วรอยจากหายไปมาก แต่มีปัญหาสิวขึ้นมาเนื่องจากเดินทางเยอะ อาจจะมีอาการแพ้อากาศแพ้น้ำบ้าง คุณหมอบีจึงแนะนำให้ทำ Laser V-IPL ลดริ้วรอยและรอยแดง กระชับรูขุมขนด้วยคลื่นแสงจากธรรมชาติ และ Dual Pro Laser กำจัดเม็ดสีส่วนเกิน และรอยต่างๆ ช่วยให้สิว ฝ้า กระจางไสขึ้นอีกด้วย

received_2370154049916763-01.jpeg

received_484782728787804-01.jpeg

จากการได้ทำเปิดโลกใหม่ลองทำทรีตเม้นต์และนวัตกรรมเรื่องความงามที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น ที่ผ่านมา อาจจะถือว่า ยังไม่รู้สกถึงปัญหาสักเท่าไหร่ แต่เกิดมาทั้งที ถ้ามีวิธีที่จะทำให้เป็นตัวเองให้เวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมได้ และมันไม่ลำบากอะไร ก็น่าลองไม่ใช่เหรอ

received_942132139503177-01.jpeg
ทุกคนก็อย่ารอให้สายเกินไปนะคะ ดูแลผิวหน้ากันเถอะ ถ้าพยายามดูแลด้วยตัวเองแล้วยังรู้สึกว่าไม่พอ ก็ลองมาปรึกษาคุณหมอดูนะคะ ลองมาที่ Blossom Clinic ดูก็ได้ค่ะ อย่ารอเลย มาสวยขึ้นด้วยกันนะ

ปล.รูปทั้งหมด ผ่านการปรับแต่งสีเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปรับโหมดผิวเนียน หรือลบริ้วรอยใดๆทั้งสิ้น

received_2372446419732478-01.jpeg

Blossom Clinic

อยู่ในโครงการ Stadium One ลง BTS สนามกีฬาแห่งชาติ

Facebook https://www.facebook.com/blossomclinicth/

Instagram @blossomclinicth

 

 

คาเฟญี่ปุ่นย่านพระราม 4 มีแมวเหมียวเต็มไปหมด! Okurimono Café

วันก่อน มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นชวนเราไปร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งย่านพระราม 4 เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นกับภรรยาชาวไทยที่เปิดร้านเค้ก มีบรรยากาศสบายๆ นั่งเล่นได้เหมือนไปบ้านเพื่อน มีขนมและเครื่องดื่มรสชาดสไตล์ญี่ปุ่น เราตอบตกลงทันที เพราะอยากจะหาคาเฟ่ร้านใหม่ๆ ไปนั่งเล่นเวลาเข้าเมือง แต่เมื่อไปแล้วก็พบว่า ที่นี่มีมากกว่าความเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่น เพราะที่นี่มี “แมว” ด้วยค่ะ

received_402195240465439-01.jpeg

ร้าน Okurimono Café นี้ มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “ของขวัญ” สื่อถึงความรู้สึกที่อยากจะส่งต่อสิ่งดีๆ ไปยังคนสำคัญ ผ่านทางขนมหวาน เครื่องดื่มของทางร้าน

received_395866947750815-01.jpeg

โดยภายในร้านมีของหวานทั้งแบบตะวันตก และขนมญี่ปุ่นพร้อมเสริฟ ไม่ว่าจะชอบแนวครีมสด แนววากาชิ หรือแนวเยลลี่ผลไม้ใสๆ ก็มีให้เลือกทาน ขนมที่นี่ทำสดใหม่ทุกวันโดยผีมือภรรยาเจ้าของร้านและทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

received_671659749990732-01.jpeg

received_508303693294572-01.jpeg

สำหรับเมนูที่เราได้ลองชิมแล้วติดใจที่สุด คือ สตรอว์เบอร์รี่ช้อตเค้ก ที่มีความหวานเบาๆ ไม่หวานแหลม ครีมนุ่ม หอมนมไม่เลี่ยน

received_778044795958722-01.jpeg

ช็อกโกแลตเค้ก-ชาเขียว ที่มีความเข้มข้นของช็อกโกแลตเต็มที่ คนที่ชอบช็อกโกแบบเน้นๆ น่าจะติดใจเมนูนี้นะคะ

received_2574232639337493-01.jpeg

เมนูเค้กส้ม และเยลลี่หยดน้ำไส้สตรอว์เบอร์รี่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวผลไม้ กลิ่นส้มหอมหวานฉ่ำ ทานแล้วสดชื่น ถ้าหวานเกินไปก็ดื่มมัตฉะตามช่วยกลบรสชาดได้ดี เยลลี่หยดน้ำก็ชุ่มฉ่ำ เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องน้ำหนักอีกด้วย

received_416839735557939-01.jpeg

สำหรับเมนูขนมญี่ปุ่น ถั่วแดงอังโกะสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทานกับมัตฉะชงเข้มข้นเข้ากันมากเลยค่ะ

received_2373372452927902-01.jpeg

ลาเต้อาร์ต ที่นี่เค้าก็ทำตามออเดอร์ได้นะคะ แน่นอนว่า อย่างเรา ต้องเลือกลายแมวอยู่แล้วววว

received_1208434496011173-01.jpeg

บริเวณภายในร้านไม่แออัดเกินไป มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับแขกได้ประมาณ 24 คน และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ที่เราเซอร์ไพรซ์มากคือ แมว ค่ะ

received_2037913352978347-01.jpeg

received_2258901701072451-01.jpeg

received_617452618659508-01.jpeg

ที่นี่มีแมวหลายตัวมาก เพราะเจ้าของร้านรักแมว และแวะเวียนพาแมวมานั่งเล่นรับแขกที่ร้าน ซึ่งจากการที่มีแมวนี้ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านต้องหยุดมอง ชื่นชมความน่ารักของน้องๆ และมีหลายคนที่อดใจไม่ไหวเข้าร้านมาเพราะอยากเล่นกับน้องๆนี่แหละ

received_2579295395468646-01.jpeg

received_2437364116350890-01.jpeg

received_626799494516308-01.jpeg

received_2537029449696333-01.jpeg

received_390324011851972-01.jpeg

สำหรับคนที่ไม่สะดวกทานที่ร้าน เค้าก็มีบริการรับออเดอร์ทาง foodpanda นะคะ และยังมีเซอร์วิซ จัด snack box, coffee break สำหรับงานเลี้ยง, มีตติ้งอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ ชุดละ 60 บาท

received_415522322494893-01.jpeg

นอกจากนี้ คนที่อยากได้เค้กวันเกิดแบบออริจินอลไม่ซ้ำใคร ที่นี่ก็สามารถออกแบบให้ได้ อย่างวันนี้ทางร้านทำเค้กรูปน้องแมวมาเซอร์ไพรซ์เรา เพราะรู้ว่าเราเป็นทาสแมว น่ารักมากเลยเมี้ยวววว

received_397652064242625-01.jpeg

พิเศษ!! สำหรับคนที่อ่านบล็อกนี้เท่านั้น

1.เปิดโชว์ให้ทางร้านดู บอกว่า “เห็นมาจากเรโกะ”

2. กดไลค์เพจ https://www.facebook.com/Okurimonocafe/ ก็รับส่วนลดสำหรับทุกเมนูไปเลย 10% จ้าาาา

received_911377562581468-01.jpeg

ไม่ว่าคุณหาที่นั่งพักผ่อนทำงานเงียบๆ จิบชาทานขนมในสไตล์ญี่ปุ่น หรือเล่นแมวนุ่มๆ ฟูๆ น่ารัก ในเมืองย่านพระราม 4 ที่นี่มีครบเลยค่ะ สำหรับที่จอดรถ ถ้าไม่ได้มาด้วยรถสาธารณะ เราเลือกจอดรถไว้ที่เกตเวย์เอกมัย แล้วเดินทะลุซอยข้างๆ มา ประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ อยากให้ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ

received_753273705119486-01.jpeg

Okurimono Café โอคุริโมโน คาเฟ่

Open : Monday – Saturday 8:00 – 20:00 (Close on Sunday)

3781 Room 2-3 Rama4 Road Phra Khanong, Klong Toei 10110 Bangkok

Tel : 091-775-9803 (TH/EN) okurimono.cafe@gmail.com

https://www.facebook.com/Okurimonocafe/

received_2330725547239838-01.jpeg

เที่ยวปูซาน 5 วัน กับ 10 พิกัดต้องตามไปถ่ายรูป (CR)

-ปูซาน-ทัวร์ครับ

ถ้าพูดถึง “เกาหลี” เราเคยไปมาหลายครั้งแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเน้นอยู่ที่เมืองโซล ซึ่งสถานที่เที่ยวในเกาหลีใต้ที่นิยมอีกเมืองนึงก็คือ “ปูซาน” เราอยากลองไปเที่ยวมานานแล้ว ตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปให้ได้สักวัน เมืองปูซานเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความชิลล์สุดๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ไม่คลั่งไคล้ความเป็ฯเมืองศรีวิไล สูดอากาศบริสุทธิ์  พักผ่อนสบายๆ สไตล์อินดี้ และผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก นี่ก็หาข้อมูลล่วงหน้า ถ้ามีวันว่างจะจัดทริปปูซานแบบไม่เร่งรีบสัก 5 วัน เพราะปูซานมีที่เที่ยวสวยๆ เยอะล่ะ แต่จะมีที่ไหนกันบ้าง  ตามเรามาทางนี้เลยเรารวบรวมมาให้แล้วจ้า เที่ยวปูซาน 5 วัน กับ 10 พิกัดต้องตามไปถ่ายรูปให้ได้!!

สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวปูซาน แต่ไม่อยากยุ่งยาก ทั้งเรื่องเอกสาร ตั๋วเครื่องบินปูซาน ที่พักปูซาน ไหนจะต้องแพลนเที่ยวอีกยุ่งยากมากมาย  ไหนจะเรื่องภาษาเกาหลีที่ไม่ได้เลย  หรือแม้แต่เรื่องการขึ้นรถ ต่อรถไฟฟ้าในกับเกาหลีใต้อีก  เอาเป็นว่าทุกอย่างจะง่าย เพียง เลือกทัวร์ปูซานแล้วจองไปเที่ยวกับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) จองง่าย เที่ยวได้แบบสบายใจ คิดจะจองเที่ยวทัวร์ก็จองเลย หาทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ  เว็บไซต์ที่รวบรวมทุกเรื่องทัวร์เที่ยวให้คุณจนครบจบในที่เดียว

จองทัวร์ปูซาน  กับ  ทัวร์ครับ

https://tourkrub.co/korea-tour/busan

 

 

  1. หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน Gamcheon Culture VillageGamcheon Culture Village Beautiful color ,Busan , South Korea

เริ่มต้นเปิดฉากด้วยความสดใสในสีพาสเทลที่หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) กันก่อนเลย  พิกัดที่เที่ยวสุดฮอตของเมืองปูซาน  กับแลนด์มาร์คฮิป ๆ ของบ้านเมืองเล็กๆ ที่ตั้งเรียงรายบนเนินเขาที่ตกแต่งด้วยสีสันสดใสสุดคัลเลอร์ฟลูในสไตล์พสาเทลหวาน ๆ รายล้อมไปด้วยงานสตรีทอาร์ตเท่ๆ งานศิลป์และปะติมากรรมเก๋  ที่เรียงรายอยู่ทั่วเมือง  อีกทั้งบนจุดสูงสุดของเนินเขายังเป็นจุดชมวิวเมืองสีพาสเทลมุมสูงสุด Unseen ให้ไปถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ กันอีกด้วย  จนหมู่บ้านแห่งนี้ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น Machu Picchu of Busan  เลยทีเดียว

พิกัด : Gamcheon Culture Village

 

  1. วัดแฮดงยงกุกซา Haedong Yonggungsa TempleHaedong Yonggungsa Temple. Busan, South Korea

วัดเก่าแก่ที่โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้ง  บนโขดหินริมชายฝั่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองปูซาน  สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1376  ด้านหน้าวัดหันออกสู่ทะเล  อีกด้านหนึ่งเป็นผาหินติดกับชายฝั่งมหาสมุทร นับเป็นวัดเก่าแก่ริมทะเลที่วิวดีและสวยที่สุดของเมืองปูซาน  ที่ชาวเมืองปูซานเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ อย่างวันปีใหม่จีน  ที่วัดแห่นี้จะเนืองแน่ไปด้วยชาวปูซานที่มาไหว้พระขอพรและรับแสงแรกของวันเพื่อความเป็นศิริมงคลที่วัดแห่งนี้  และที่สำคัญวัดนี้ยังเป็นสถานที่ชมซากุระบานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของปูซานอีกด้วย

พิกัด : Haedong Yonggungsa

 

  1. วัดซัมกวางซา Samgwangsa Temple3.samgwangsa Temple

วัดสำคัญอันมีชื่อเสียงของเมืองปูซาน  ตั้งอยู่บนยอดเขา Baekyang mountain  โดดเด่นและมีชื่อเสียงด้วยเทศกาลจัดงานแห่ขบวนโคมไฟดอกบัว  ในเดือนพฤษภาคม  ทั่วพื้นที่วัดตลอดจนทางเดินรอบเนินเขาจะประดับประดาเรียงรายไปด้วยโคมไฟดอกบัวหลากหลายสีนับพันดวง  เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองก่อนถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้าอย่างยิ่งใหญ่อลังการ  ใครที่เดินทางมาเที่ยวปูซานในช่วงเดือนพฤษภาคม  ไม่ควรพลาดงานเฉลิมฉลองตามประเพณีดั้งเดิมของชาวเกาหลีที่วัดแห่งนี้อย่างเด็ดขาด

พิกัด : Samgwangsa Temple

 

  1. วัดเบียวเมียวซา Beomeosa Temple4.วัดเบียวเมียวซา

วัดเบียวเมียวซา Beomeosa Temple  เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ซึ่งอยู่คู่เมืองปูซานมาอย่างยาวนานกว่า 1,300 ปี  ตั้งอยู่บนภูเขา Geumjeongsan  รายล้อมด้วยทัศนียภาพอันร่มรื่นย์สวยงามของขุนเขา  ตัววัดสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบเกาหลีโบราณที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี  ท่ามกลางอากาศเย็นสบายบนยอดเขา  และธรรมชาติอันเงียบสงบ  เหมาะแก่การทำสมาธิปฎิบัติธรรม  และการพักผ่อนให้จิตใจร่มเย็นเป็นที่สุด

พิกัด : Beomeosa Temple

 

  1. ชายหาดแฮอึนแด Haeundae beachGwangan bridge

เปลี่ยนบรรยากาศมาที่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชายฝั่งทะเลกันบ้าง  กับชายหาดแฮอึนแด Haeundae beach ชายหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของปูซาน  เป็นชายหาดที่อยู่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้  ตัวหาดทรายสีน้ำตาลอ่อนๆ มีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร  อยู่ไม่ไกลจากใจกลางตัวเมืองปูซาน  จึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว  ทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานและเทศกาลต่างๆ ที่สำคัญของเมืองปูซานอีกด้วย  เนื่องจากทำเลที่ตั้งใกล้เมืองบวกกันหาดทรายกว้างที่เหมาะกับการรองรับผู้คนจำนวนมาก  จึงทำให้ชายหาดแห่งนี้คึกคักเนืองแน่นเต็มไปด้วยผู้คนตลอดทั้งปี

พิกัด : Haeundae beach

 

  1. สะพานควางอัน Gwangan Bridge6.Gwangan Bridge

แลนด์มาร์คสุดฮอตและจุดที่มีทัศนียภาพยามค่ำคืนที่สวยงามที่สุดของปูซาน  กับสะพานควางอัน Gwangan Bridge  สะพานแขวนข้ามทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้  ตัวสะพานมีความยาวมากถึง 7.4 กิโลเมตร  พาดผ่านเหนือท้องทะเลจาก Haeundae-gu ฝั่งหนึ่งไปยังพื้นที่ Suyeong-gu อีกด้านหนึ่งของสะพาน  โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน  ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติ หรือ Busan International Fireworks Festival ที่สะพานแห่งนี้จะยิ่งทวีคูณความสวยงามในยามค่ำคืนไปด้วยดอกไม้ไฟหลากสีสันอันวิจิตรงดงาม  ที่ช่วยสร้างความอลังการสุดพิเศษให้กับสะพานแห่งนี้

พิกัด : Gwangan Bridge

 

  1. ทางเดินลอยฟ้าชายหาดซองโด Songdo Beach SkywalkBusan Songdo Skywalk, the longest skywalk on the water in South Korea.

ทางเดินลอยฟ้าชายหาดซองโด Songdo Beach Skywalk เป็นสกายวอร์คที่ยาวที่สุดในเกาหลี  กับทางเดินสอยฟ้าเหนือผืนมหาสมุทรความยาว 365 เมตร  ที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาเหมือนมังกรบิน  ตัวสะพานสกายวอลล์ทำจากไม้เจาะช่องกระจก Temper Glass ตรงกลางสำหรับชมวิวท้องทะเลด้านล่าง  ที่ระดับผิวน้ำซึ่งอยู่ต่ำลงไปราวๆ 5 – 6 เมตร  ตัวทางเดินลอยฟ้ายื่นผ่านเข้าไปในท้องทะเล  ทำให้สามารถรับลมชมวิวทะเลสีเขียวฟ้าสุดโรแมนติกได้แบบพาโนราม่า 360 องศา  ใครที่ชื่นชอบทะเลแต่ไม่อยากตัวเปียก  ก็สามารถมาสัมผัสบรรยากาศท้องทะเลอย่างใกล้ชิดได้สบายๆ ที่แลนด์มาร์คแห่งนี้

พิกัด : Songdo Beach Skywalk

 

  1. ชายหาดควังกาลี Gwangalli BeachBusan Gwangalli Beach

ด้วยปูซานเป็นเมืองริมฝั่งทะเล  สถานที่เที่ยวสวยๆ ก็หนีไม่พ้นชายหาด  งั้นไปต่อกันที่อีกหนึ่งชายหาดสวยๆ ของปูซาน  ที่ชายหาดควังกาลี Gwangalli Beach หาดทรายสีขาวเนียน  น้ำทะเลใส  ความกว้างประมาณ 60 เมตรที่ทอดตัวยาวตามแนวชายฝั่งกว่า 1.4 กิโลเมตร  ขนานเคียงคู่ไปกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองปูซานอย่างสะพานควางอัน Gwangan Bridge  นอกจากทัศนียภาพคลาสสิคเกินบรรยายของหาดทรายและสะพานสวยแล้ว  ความสวยงามทางธรรมชาติของท้องทะเลแห่งนี้ก็ดีงามไม่แพ้กัน   นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกทำอย่างหลากหลายอีกด้วย  เรียกได้ว่ามาที่เดียวมีครบเลย

พิกัด : Gwangalli Beach

 

  1. เกาะดองเบคซ็อก Dongbaekseom IslandThe right place it the most romantic.

เกาะเล็กๆ ที่เป็ยแหลมยื่นออกไปในทะเล  มีพื้นที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ของปูซานทางด้านฝั่งตะวันออกของชายหาดแฮอุนแด  ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ  ต้นไม้นานาพันธุ์ที่เขียวขจี  ด้วยทำเลที่ตั้ง  และลักษณะภมิประเทศที่ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นพื้นที่ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองปูซานอีกแห่งหนึ่ง  จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสุดฮิตของปูซาน  และเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน  โดยมีจุดชมวิวไฮไลท์อยู่ที่  อาคารนูริมารู (Nurimaru APEC House)

พิกัด : Dongbaekseom Island

 

  1. ออยุคโด สกายวอร์ค Oryukdo SkywalkOryukdo skywalk in Busan city, South Korea

ทางเดินลอยฟ้า โอรยุคโด (Oryukdo skywalk) แลนด์มาร์คสุดหวาดเสียวที่มาพร้อมวิวสวย ๆ เหนือท้องทะเล  กับทางเดินลอยฟ้ารูปเกือกม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากกระจก  เหนือหน้าผาสูงที่ยื่นเข้าไปในทะเลกว่า 35 เมตร  ตรงแนวเส้นแบ่งทะเลตะวันออกและตะวันตกของเกาหลีพอดิบพอดี  จึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น  และตกที่สวยงามที่สุดของปูซานเลยทีเดียว  ใครที่อยากสัมผัสทัศนียภาพสุดโรแมนติกแบบเสียวๆ ต้องมาลองเช็คอินที่พิกัดนี้ดูสักครั้ง  รับรองว่าต้องประทับใจ

พิกัด : Oryukdo Skywalk

 

และนี่คือ 10 พิกัดถ่ายรูปในปูซานสวยๆ ที่ต้องตามไปถ่ายรูปกันให้ครบ ก่อนออกเดินทางอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูปกันไปให้พร้อม และโพสต์ท่าถ่ายรูปสวยๆ กลับมาเยอะๆ นะ ก่อนอื่นๆ เริ่มจากเช็กวันลากันก่อนแล้วรวบรวมสมาชิก วางแผนไปเที่ยวกัน ถ้าเราได้ไปเมื่อไหร่ รับรองว่าจะมีรูปสวยๆ มาลงอวดทุกคนแน่นอนจ้าาา

รีวิวนวดน้ำมัน ที่ Health Land พัทยา แก้เมื่อยกับ Traveloka Xperience

เดี๋ยวนี้ปัญหาปวดเมื่อยไม่ได้เป็นแค่ผู้สูงอายุกันแล้วนะ คนทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมนานๆ หรือคนที่ต้องแบกของพกกระเป๋าใบใหญ่ๆ หนักๆ ก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวกันได้เป็นเรื่องปกติ เราก็เช่นกัน ฮ่า ดังนั้นถ้าปวดเมื่อยก็อย่าทนค่ะ ไปนวดกัน

วันก่อนเราได้ไปลองใช้บริการนวดน้ำมันที่ Health Land สาขาพัทยามาล่ะ คือพอดีไปเที่ยวแถวนั้นพอดี แล้วเที่ยวเล่นเกินเบอร์ไปหน่อย เลยต้องหาวิธีผ่อนคลาย ซึ่งปกติเราเป็นลูกค้าของ Health Land ในกรุงเทพ เลยมั่นใจว่าเข้าสาขาไหนก็หายเมื่อยแน่ๆ

ซึ่งในครั้งนี้เราได้จองผ่าน Traveloka Xperience เป็นโปรโมชั่นพิเศษจาก Traveloka ซึ่งเค้าจะมีบริการ, สถานที่ท่องเที่ยว, กิจกรรมมากมายให้เลือกจองได้ในราคาพิเศษ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และแน่นอนว่ามีโหมดบริการด้านสุขภาพและความงามด้วย

คราวนี้เรามีเป้าหมายว่า “ชั้นต้องมานวดที่ Health Land” ก็แค่เสิร์ชชื่อ Health Land เลือกสาขารและบริการที่ต้องการ แล้วกดจองได้เลย จองล่วงหน้าแค่วันเดียวก็สามารถเข้ามาใช้บริการในวันถัดมาได้แล้วค่ะ

เราเลือกเป็นนวดอโรม่า 90 นาทีค่ะ เมื่อเข้ามาในร้านพนักงานก็จะให้เราเลือกน้ำมันอโรม่ากลิ่นที่ชอบ จากทั้งหมด 5 กลิ่น เราเลือกเป็นกลิ่นกุหลาบ

จากนั้นก็จะพาไปถอดรองเท้า, ทำความสะอาดเท้า, ให้อาบน้ำล้างตัว และถอดเสื้อผ้า!! โอ๊ะๆ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ไม่ได้แก้ผ้าหมดค่ะ เค้าจะเตรียมกางเกงในสปาแบบตาข่ายสีดำให้เราใส่ แล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วก็เอาเสื้อกาวน์ทันอีกต่อ

จะเปิดก็ตอนนวดทั้งนั้น ซึ่งเค้าก็จะเปิดทีละส่วนไม่ให้เราโป๊อล่างฉ่างแน่นอนจ้า แถมหมอนวดก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คนที่ไม่เคยก็ไม่ต้องเขิน มีเหมือนกันแหละ ฮ่า

ในแต่ละขั้นตอนการนวด พนักงานเค้าจะปรับให้เข้ากับความต้องการของเรามากที่สุด สามารถบอกได้ว่าต้องการหนักเบาเน้นมากน้อยแค่ไหน นอกจากจะหายเมื่อยจากการกดจุดปรับเส้นแบบเน้นๆ ตรงที่มีปัญหาแล้ว ยังได้ผ่อนคลายจากกลิ่นอโรม่าที่ชื่นชอบอีกด้วย

บอกเลยว่าเวลา 90 นาทีในครั้งนี้ผ่านไปไวมากเลยค่ะ หลังจากนวดเสร็จแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย อาการเมื่อยเคล็ดที่เรามีปัญหามาตลอดตรงหลังและไหล่ด้านซ้ายก็ดีขึ้นด้วยล่ะ

ข้อเสียอย่างเดียว คือ เหมือนจะติดการนวดไปแล้ว ฮ่า ไม่เป็นไร ถ้าอยากนวดอีกก็กดแอพ Traveloka เปิดหน้า Xperience แล้วกดจองสิ ราคาคุ้มขนาดนี้ ให้นวดบ่อยๆ ก็ยังสบายกระเป๋าตังค์จ้า

อยากหายเมื่อยก็คลิกเลย! Traveloka Experience X Health Land มีตั้ง 10 ลองดูที่ใกล้บ้านนะ

ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลวันแม่ของไทยและ คนที่กำลังมองหากิจกรรมทำร่วมกับครอบครัว ก็ลองชวนคุณแม่และญาติๆ มานวดผ่อนคลายดูสิ อย่างห้องที่เรามานวดในวันนี้ เป็นห้องนวดไปรเวทขนาดใหญ่ สามารถเข้านวดพร้อมกันได้หลายคนเลย รับรองว่าสบายตัว แฮปปี้กันทั้งบ้านแน่ๆ จ้า

เตรียมลุยโตเกียวโอลิมปิก 2020 หาบัตรและที่พักกัน!

นับถอยหลังไปอีกเพียงปีเดียว ก็จะถึงเวลาของการแข่งขันกีฬาของมนุษยชาติ “โอลิมปิก” แล้วววว คราวนี้ ชาวเอเชียน่าจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะประเทศเจ้าภาพคือ “ญี่ปุ่น” อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยเรานี่เอง แต่ได้ยินมาว่า ตั๋วเข้าชม และที่พักนั้น หายากมาก จองหมดล่วงหน้ากันไปเป็นปีๆ ที่ยังมีก็ราคาแรงเหลือเกิน แล้วจะมีบุญได้ไปดูโอลิมปิกกะเค้ามั่งมั้ยเนี่ยยยยย

20190725_150821-01.jpeg

ณ ตอนที่เรากำลังเลิกลั่กในการหาบัตรนั่นเอง ก็ได้ข่าวว่า กำลังจะมีการแถลงข่าวเรื่องการจำหน่ายบัตรชมโอลิมปิกสำหรับคนไทย เราเลยไ่ม่รอช้า ไปร่วมงานแถลงข่าว เพื่อคาบข่าวมาบอกต่อทุกคนนี่ล่ะ

PressCon for Media_๑๙๐๗๒๕_0007

โดยในงาน บ.เจทีบี (ประเทศไทย) ได้ประกาศทำสัญญารับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน (Olympic) ครั้งที่ 32 แต่ผู้เดียวอย่างเป็นทางการ ให้กับผู้ที่พำนักอาศัยในประเทศไทย (ATR/ Authorised Ticket Reseller for Thailand) โดยตอนนี้มีรายละเอียดการจำหน่ายออกมาแล้ว ได้แก่…

PressCon for Media_๑๙๐๗๒๕_0001

บัตรเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 12:00 น.เป็นต้นไป
โดยเริ่มจำหน่ายออนไลน์บนเว็บไซต์ของ JTB Thailand (www.jtbthailand.com) และทาง https://www.jtbthailand.com/th/OlympicsTokyo2020/EBOOK/index.html

มีแพ็กเกจให้เลือกตามความชอบ ประกอบด้วยกีฬา 2 ประเภท โรงแรม 2 คืน และประกันการเดินทาง โดยมีทั้งสิ้น 59 แพ็กเกจ ใน 14 ประเภทกีฬา และราคาเริ่มต้นต่อแพ็กเกจอยู่ที่ 24,500 บาทต่อคน

20190725_145832-01.jpeg

ประเภทกีฬาที่เปิดจำหน่ายมีทั้งหมด 14 ชนิด ได้แก่ ・แบดมินตัน ・เบสบอล ・บาสเก็ตบอล
・วอลเล่ย์บอลชายหาด ・ฟุตบอล ・กอล์ฟ ・รักบี้・สเก็ตบอร์ด ・เทเบิลเทนนิส ・กีฬาปีนหน้าผา
・เทควันโด ・เทนนิส ・วอลเล่ย์บอล ・ยกน้ำหนัก
* สำหรับมวยสากลสมัครเล่นยังไม่เปิดจำหน่าย เนื่องจากยังไม่มีกำหนดการจากทางคณะกรรมการ
จัดงานโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 ซึ่งทาง JTB Thailand จะมาอัพเดตภายหลัง

ทุกคนสามารถดูรายละเอียดของแพ็กเกจที่เปิดจำหน่ายได้ที่เว็บไซต์ของ
JTB (Thailand) https://www.jtbthailand.com/th/home/ได้เลยค่า

20190725_150638-01.jpeg

ตอนนี้เราก็ตื่นเต้นมากๆเลยละ ที่มหกรรมกีฬาครั้งใหญ่จะมาจัดที่ญี่ปุ่น ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะคนทำงานด้านใดก็ตาม ทั้งพิธีกร, ล่าม, ผู้นำเที่ยว, คอลัมนิสต์, รีพอร์ทเตอร์… ช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ยังว่างจ้างได้นะคะ อิอิ พี่สมรักษ์เค้าบอกว่า “ไม่ได้โม้” เราก็ขอ “ไม่โม้ด้วยคน พูดจริง ขอจริง อยากได้งานค่ะ” ฮ่าาาาาา ทุกคนก็เตรียมตัวเตรียมตังค์ให้พร้อม แล้วลุยยยย!!!

20190725_150202-01.jpeg

Kimochiii & Cawaii! it's my LIFEstyle by Reiko บ.ก.เรโกะ กับเรื่องสนุกๆสไตล์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น รีวิวญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น โดยเรโกะ อดีตบ.ก.นิตยสารญี่ปุ่น และพิธีกรรายการ Kimochiii in Japan, BNK48 Show